BlackJack หรือ แบล็คแจ็ค คืออะไร?

BlackJack เดิมเขียนว่า Black Jack อ่านเป็นภาษาไทยได้ว่า แบล็คแจ็ค ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจภาพรวมคร่าวๆได้ง่ายที่สุดเลยคือ เกมไพ่ที่ทำอย่างไรก็ได้ให้แต้มหน้าไพ่เท่ากับหรือใกล้เคียงกับแต้ม 21 มากที่สุดโดยห้ามมีแต้มรวมเกิน 21 ไม่อย่างนั้นจะถูกปรับแพ้ทันที และเนื่องจากแต้ม 21 ที่เป็นจุดเด่นของตัวเกมนี้เองในบางครั้งเกมแบล็คแจ็คก็จะถูกเรียกกันในชื่อเกม 21 เช่นกัน ถือเป็นเกมไพ่สุดคลาสสิคอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมจากเหล่านักพนันทั่วโลกอย่างล้นหลามไม้แพ้เกมไพ่บาคาร่าเลยทีเดียว ไม่ว่าจะในบ่อนคาสิโนหรือในคาสิโนออนไลน์ก็ตามมักจะมีเกมไพ่แบล็คแจ็คอยู่ด้วยเสมอ อย่างไรก็ดีการแข่งขันในเกมไพ่แบล็คแจ็คนั้นไม่ใช่การแข่งกันระหว่างตัวนักพนันด้วยกัน แต่จะเป็นตัวนักพนันแข่งขันกับตัวดีลเลอร์(dealer)

The dealer หรือ ดีลเลอร์ ในวงการ คาสิโนออนไลน์

บางท่านหรือหลายๆท่านอาจจะกำลังสงสัยว่าแล้วดีลเลอร์คืออะไรกันแน่หละ? ดีลเลอร์ (The Dealer) ถ้าใช้ภาษาบ้านๆอธิบายให้เข้าใจง่ายๆก็เปรียบได้เหมือนเจ้ามือนั่นเอง โดยหากเป็นการเล่นอย่างเป็นทางการในบ่อนคาสิโนหรือคาสิโนออนไลน์ทางบ่อนนั้นๆจะมีคนที่ทำหน้าที่เป็นดีลเลอร์เสมอ (โดยภาษาอังกฤษจะเรียกกันว่า “permanent bank”) ในคาสิโนตัวดีลเลอร์จะยืนตลอดเวลา ส่วนตัวนักพนันจะเป็นฝ่ายที่นั่ง ดีลเลอร์มีหน้าที่ทำทุกๆอย่างๆตั้งแต่สับไพ่ แจกไพ่ ตลอดจนจัดการเกี่ยวกับเงินเดิมพันทั้งหมดของเหล่านักพนัน อย่างไรก็ดีหากเป็นเกมที่ไม่เป็นทางการ เล่นกันที่บ้าน นักพนันทุกคนมีโอกาสที่จะได้ขึ้นมาเป็นดีลเลอร์กันทั้งนั้น (โดยภาษาอังกฤษจะเรียกกันว่า “changing bank”) แล้วแต่กฎกติกาที่แต่ละบ้านตั้งขึ้น

ประวัติความเป็นมาของไพ่แบล็คแจ็ค

เฉกเช่นเดียวกับเกม Baccarat เลยคือต้นกำเนิดจริงๆของเกม Blackjack นั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่และยังหาข้อสรุปที่ชัดเจนไม่ได้ อย่างไรก็ตามนักวิจัยส่วนใหญ่ต่างเห็นพ้องกันว่าต้นกำเนิดของเกมแบล็คแจ็คนั้นน่าจะมาจากประเทศฝรั่งเศส และยังสันนิษฐานต่ออีกว่าเกม Black Jack น่าจะถูกคิดค้นขึ้นมาในช่วงศตวรรษที่ 17 โดยชื่อแรกสุดในภาษาฝรั่งเศสนั้นคือ “Vingt-et-Un” ซึ่งแปลตรงตัวได้เลยว่า “ยี่สิบเอ็ด” ตัวเกมนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและได้แพร่ขยายไปจนถึงอเมริกาเหนือในช่วงศตวรรษที่ 18 อย่างไรก็ดีในช่วงศตวรรษที่ 19 เกมแบล็คแจ็คนั้นกลับเสื่อมความนิยมและถดถอยลงเป็นอย่างมากในประเทศฝรั่งเศส แต่ในทางกลับกันตัวเกมกลับได้รับการพัฒนาและได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศอเมริกา เกม BlackJack นั้นถูกพบเห็นได้ในบ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายในรัฐนิวออลีนส์ และก็เป็นในช่วงเวลานี้เองที่กฎต่างๆได้ถูกพัฒนาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น

Black Jack ในยุคปัจจุบัน

ในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่รัฐเนวาดา เกม Blackjack นั้นยังคงถูกเรียกหรือกล่าวถึงภายใต้ชื่อเกมไพ่ 21 อยู่ แต่ในช่วงเวลานี้เองที่เกมไพ่ 21 นั้นได้ทำการเปลี่ยนชื่อตัวเองไปเป็น แบล็คแจ็ค บ่อนและคาสิโนทั้งหลายต่างหยิบกลยุทธ์ต่างๆมาใช้โปรโมทเกมไพ่ชนิดนี้ พวกเขาเสนอการจ่ายโบนัสรูปแบบต่างๆรวมไปถึงการจ่ายโบนัสหากนักพนันจั่วได้ไพ่ Black Jack(ไพ่ J โพธิ์ดำหรือดอกจิก) คู่กันกับไพ่ A โพธิ์ดำ ในขณะที่เกมได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆการจ่ายโบนัสรูปแบบต่างๆนั้นค่อยๆจางหาย แต่ชื่ออย่างไม่เป็นทางการที่ได้จากโบนัสรูปแบบการจ่ายรูปแบบหนึ่งอย่างแบล็คแจ็คนั้นกลับติดหู ติดปาก และถูกใช้กันมาเรื่อยๆจวบจนปัจจุบัน

กฎและกติกาเบื้องต้นของเกม BlackJack บนเว็บคาสิโนออนไลน์

ในการที่จะเริ่มลงทุนหรือเล่นพนันในเกมอะไรสักอย่าง การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งๆนั้นถือเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก ถึงขนาดมีคำกล่าวมี่ว่า “อย่าลงทุนหรือพนันในสิ่งที่ไม่เข้าใจเด็ดขาด” ไม่อย่างนั้นก็ไม่ต่างจากการเอาเงินไปโยนทิ้งเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นในหัวข้อนี้ตัวนักเขียนจะมาอธิบายเกี่ยวกับกฎและกติกาคร่าวๆของเกมแบล็คแจ็คให้นักพนันทุกท่านได้อ่านและทำความเข้าใจกัน เกริ่นมาพอแล้วเพื่อไม่เป็นการเสียเวลา เราไปเริ่มกันเลย!

1.     เป้าหมายในการเล่น BlackJack นั้นคือการเอาชนะไพ่ของ ดีลเลอร์ โดยที่แต้มรวมจะต้องเท่ากับหรือใกล้เคียง 21 มากที่สุด แต่ห้ามเกินโดยเด็ดขาด

2.     ไพ่ K, Q, J มีแต้มเท่ากับ 10 ส่วน A มีค่าเท่ากับ 1 หรือ 11 ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าแต้มไหนดีที่สุดในสถานการณ์นั้นๆ

3.     ผู้เล่นแต่ละคนจะเริ่มต้นด้วยไพ่จำนวน 2 ใบ และไพ่ 1 ใบของดีลเลอร์นั้นจะปิดไว้จนกว่าจะจบเกม

4.     การ Hit นั้นคือการขอ“จั่ว”การ์ดเพิ่ม ส่วนการ Stand นั้นคือการ“อยู่”ไม่ขอไพ่เพิ่มและจบรอบ

5.     หากผู้เล่นมีแต้มรวมเกิน 21 ผู้เล่นแพ้ทันทีไม่ว่าไพ่ของดีลเลอร์จะมีแต้มรวมเท่าใดก็ตาม

6.     หากผู้เล่นจั่วได้แต้มรวม 21 ตั้งแต่เริ่ม (A กับไพ่แต้ม 10) จะเรียกสิ่งนี้ว่า แบล็คแจ็ค

7.     โดยปกติแล้วการได้แบล็คแจ็คนั้นจะชนะได้เงินที่ 1.5 เท่าของเงินเดิมพัน แต่ก็ขึ้นอยู่กับกฎของคาสิโนออนไลน์แต่ละแห่ง

8.     ดีลเลอร์นั้นจะจั่วการ์ดเพิ่มไปเรื่อยๆจนกว่าแต้มรวมจะเท่ากับ 17 หรือมากกว่า

9.     การ Doubling นั้นจะเหมือนกับการ Hit แต่จะต่างกันที่จำนวนเงินเดิมพันจะเพิ่มเป็นเท่าตัวและจะได้จั่วการ์ดเพิ่มเพียง 1 ใบเท่านั้น

10.  ผู้เล่นจะทำการ Split ได้ก็ต่อเมื่อ ผู้เล่นมีไพ่ซ้ำกัน 2 ใบ คู่ไพ่ที่ซ้ำกันจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ขา

11.  การทำ Split นั้นเป็นการเพิ่มเดิมพันอีกเท่าตัวเช่นกัน เพราะแต่ละขาที่แยกออกมาจะมีมูลค่าเงินเดิมพันเท่ากับเงินเดิมพันตั้งต้น

12.  ผู้เล่นจะสามารถทำการ Doubling หรือ Split ได้ในการเล่นเทิร์นแรก หรือเทิร์นแรกที่เกิดจากการทำ Split เท่านั้น

13.  ผู้เล่นไม่สามารถเล่นไพ่ A ทั้งสองใบได้หลังจากทำการ Split

14.  ผู้เล่นสามารถที่จะเพิ่มเงินเดิมพันเป็น 1 เท่าตัว 2 เท่าตัว หรือ 3 เท่าตัวก็ได้ในขาที่ทำการ Split ออกมา