AMB MAX ขอเสนอ วิเคราะห์บอล โดย ราชาลูกหนังทั่วโลก

บทวิเคราะห์บอลและทรรศนะจากกูรูประสบการณ์สูง ร่วมกิจกรรมแอดเพื่อนได้เลย @ambmax หรือคลิกลิงค์ที่ใต้คลิปได้เลย

ลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ซิตี้มีคิวจะได้วัดศรีเกิดกันอีกเกมในศึกเอฟเอคัพรอบรองชนะเลิศวันเสาร์ที่ 16 เมษายนนี้โดยสารเคมีที่ผ่านมาเพราะเขายังกินกันไม่ลงเสมอกันไปแบบสุดมันส์ทั้ง 2 แมตอย่างไรก็ตามในเกมนี้จะต้องมีทีมใดทีมหนึ่งที่ต้องพบกับความพ่ายแพ้แน่นอนส่วนจะเป็นทีมไหนเดี๋ยวก็ได้รู้กันแต่ที่แน่ๆทั้งหงส์แดงและเรือใบสีฟ้าถ้าทีมใดชนะโครงการที่สร้างประวัติศาสตร์ในวงการลูกหนังจะสดใสมากยิ่งขึ้น 

วิเคราะห์บอล ศึกครั้งนี้ต้องมีผู้ชนะ 5 ประเด็นก่อนบิ๊กแมตช์ ลิเวอร์พูล พบ แมนซิตี้ เกมเอฟเอคัพ

1. ศึกครั้งนี้ต้องมีทีมเสียน้ำตา

ลิเวอร์พูลกับแมนเชสเตอร์ซิตี้ในป่านนี้ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะหลังจากที่ทั้งสองเกมลีกพวกเขาทําได้เพียงเสมอกันด้วยสกอร์ 2 ต่อ 2 ทั้ง 2 แมต อย่างไรก็ตามในเกมเอฟเอคัพที่พอจะฟาดฟันกันในวันเสาร์นี้จะต้องมีฝ่ายหนึ่งยิ้มระรื่นส่วนอีกฝ่ายน้ำตาริน ฟอร์มของหงส์แดงกับเรือใบสีฟ้าต้องบอกว่าไม่ค่อยแตกต่างกันมากนักเพราะเขาสร้างมาตรฐานการเล่นเอาไว้สูงมากและด้วยในเวลานี้ต้องบอกว่าสูสีกันสุดๆเช่นนั้นการจะคาดเดาว่าใครจะชนะเป็นเรื่องที่ยากลำบากจริงๆ

เกมล่าสุด Liverpool ไม่ค่อยได้ออกแรงมากนักในการรับมือกับ เบนฟิก้า เพราะพวกเขาได้เล่น ในแอนฟิลด์ แม้จะสกอร์ เสมอกัน 3:3 แต่เดอะเรดส์ มีโอกาสได้พักตัวผู้เล่นหลักธรรมสำคัญได้พักร่างกายอย่างเต็มที่และพร้อมที่จะปะทะกับ แมนฯซิตี้ ขณะที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นอกจากจะออกไปเยือน แอตแลนติโก้ มาดริด แล้วพวกเขายังเจอจ้าวบ้านเล่นเกมหนักใส่จนทำให้นักเตะตัวหลักหลายคนมีอาการล้าและอาจส่งผลกระทบในแมตช์ที่เวมลีย์ในวันเสาร์นี้ 

2. คีย์แมนหลักได้พักร่างกายเต็มที่

อย่างที่เกริ่นเอาไว้ในตอนแรกว่าครบมีโอกาสเปลี่ยนแปลงผู้เล่นทั้ง 7 คนในเกมเมื่อวันพุธที่ผ่านมาทำให้เขาได้พักผู้เล่นคีย์แมนหลักเอาไว้และนั่นหมายความว่านักเตะเหล่านั้นมีโอกาสได้ชาร์จพลังเต็มที่เหตุผลสำคัญที่นายใหญ่ชาวเยอรมันทำแบบนี้เนื่องจากเดอะเรดส์จะต้องเจองานหนักในการปะทะกับแมนฯ ซิตี้อีกรอบหลังเกมล่าสุดเพราะเขายังไม่สามารถหาผลแพ้ชนะได้แต่ครั้งนี้จะได้บทสรุปแน่นอน

สำหรับหงส์แดงค่อนข้างได้เปรียบตรงที่ไม่ได้เดินทางไปเล่นเกมฟุตบอลถ้วยยุโรป แถมนักเตะอย่าง อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เวอจิล ฟานไดจ์ มีโอกาสพักฟื้นร่างกายขณะที โมฮาเหม็ด ซาล่า และ ซาดิ โอมาเน่ แม้จะเล่นในช่วงคึ่งชั่วโมงสุดท้าย เกมที่เสมอกับ เบนฟิก้า ก็ไม่ได้ใช้พลังงานมากมาย เป็นการยืดเส้นยืดสายซะมากกว่าก่อนที่จะเจอกับศึกหนัก

 3. ลุ้นเดอร์ บรอยน์ ฟิตทัน ปะทะหงส์แดง 

สำหรับแฟนบอลแมนซิตี้ตอนนี้พวกเขาคงเครียดสุดๆเพราะ เควิน เดอบรอยน์ และ ไคล วอล์คเกอร์ 2 เล่นแกนหลักได้รับบาดเจ็บในเกมบุกไปเสมอ แอตฯ มาดริด 0 ต่อ 0 เมื่อวันพุธที่ 13 เมษายนที่ผ่านมาอาการบาดเจ็บของ 2 คีย์แมนทำให้สาวกเรือใบสีฟ้าต้องลุ้นหนักว่าพวกเขาจะพร้อมลงสนามในเกมวันเสาร์นี้หรือเปล่าเนื่องจากเวลาในการพักฟื้นค่อนข้างจะน้อยแต่ยังดีที่มีอาการบาดเจ็บของทั้งคู่ไม่ค่อยน่าเป็นห่วงมากนักอาจมีสิทธิ์ที่จะหายทันก็ได้ 

เป๊ป กวาดิโอลา ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมว่า เดอบรอยน์ กับ Walker ไม่ได้ลงซ้อมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาทำให้ยังต้องลุ้นเยี่ยวเหนียวในวันเสาร์ว่าพวกเขาจะพร้อมมากแค่ไหนโดยเฉพาะในรายของจอมทัพทีมชาติเบลเยียมที่เจ็บข้อเท้าซึ่งเป็นจุดที่น่าเป็นห่วงพอสมควรสำหรับ เดอบรอยน์ ถือเป็นนักเตะที่มีความสำคัญกับแมนซิตี้อย่างมากโดยซัดไปแล้ว 6 ประตู 7 เกมที่ผ่านมาดังนั้นหากเรือใบสีฟ้าขาดเพลย์เมกเกอร์รายนี้ไปงานนี้บอกเลยว่าเกิดปัญหาใหญ่แน่นอน 

4. เอฟเอคัพศึกที่สองยอดทีมไม่ค่อยได้ดวลกัน

ถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกพอสมควรที่ ลิเวอร์พูลกับแมนซิตี้มีโอกาสได้ปะทะฝีเกือก ในศึกฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเพียงแค่ 6 ครั้งเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าสำหรับแฟนบอลก็เข้ากันได้เจอกันในยุคนี้เป็นอะไรที่มันสุดขั้วจริงๆย้อนกลับไปครั้งแรกที่ห้องนั่งเล่นกับสำเภาทองตอนนั้นเป็นการเจอกันในรอบ 50 ปี 1956 หรือเป็นฝ่ายของแมนซิตี้จะได้ healthbook ชนะ 2-1 ในเกมนัดรีเพลหลังจากที่เสมอกันแบบไร้สกอร์ที่ Main Road สนามเหย้าเก่าของแมนซิตี้หลังจากนั้นแมนซิตี้ชนะในเกม Replay รอบ 4 เมื่อปี 1973 ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะมาเอาคืนบ้างในการบุกถล่ม 4-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศปี 1988

เดอะเรดส์สามารถปรับอีกครั้งในเกมรอบ 5 ด้วยสกอร์ 4-2 เมื่อปี 2001 ซึ่งเป็นเส้นทางที่ทำให้พวกเขาคว้าทริปเปิ้ลแชมป์เอฟเอคัพลีกคัพและยูฟ่าคัพตบท้ายในปี 2003 ลิเวอร์พูลบุกชนะเรือใบสีฟ้า 1 – 0 สำหรับครั้งนี้ผลออกมาจะเป็นยังไงเดี๋ยวก็ได้รู้กัน 

5. เกมหนักรออยู่เพียบ

ตอนนี้คลอปป์ต้องคิดมากกว่าจะเก็บวันเสาร์นี้เพราะหลังจบแมตช์กับแมนซิตี้แล้วก็ยังมีโปรแกรมมาโหดรออยู่โดยเริ่มจากการทำศึกแดงเดือดรับมือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมลีกวันอังคารหน้าตามด้วยด้วย เมอร์ซี่ไซด์ ดาร์บี้แมทช์ กับ เอฟเวอร์ตัน ในวันอาทิตย์ที่ 24 เมษายน จากนั้นก็จะพบกับเรือดำน้ำสีเหลือง บียารีล ในรอบตัดเชือกศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกช่วงปลายเดือนเมษายนมหาสงกรานต์ก่อนจะปิดท้ายเดือนแห่งความร้อนระอุด้วยการออกเปลี่ยนสาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สำหรับข้อดีของโปรแกรมโหดส่งท้ายเดือนเมษายนก็คือ พวกเค้าได้เล่นในแอนฟิลด์ 3 แมทช์ ติดต่อกัน แล้วนี่จะเป็นข้อได้เปรียบสำหรับหงส์แดงเนื่องจากฟอร์มการเล่นในบ้านเค้าถือว่าสุดยอดมากถ้าหงส์แดงสามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้การเทียบฝันถึงการคว้าแชมป์ 4 รายการในซีซั่นนี้ก็มีความเป็นไปได้สูงเช่นกัน