ไฮไลท์ฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs ลิเวอร์พูล เมื่อคืนนี้

ฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจอกับ ลิเวอร์พูล โดยเกมนัดนี้ เรือใบสีฟ้าเจอปัญหานักเตะบาดเจ็บ ทำให้ต้องปรับทัพหลายตำแหน่ง เป๊บวางแผนมาในระบบ 4-3-3 ส่ง แจ็ค สเตฟเฟน, เจา คันเซโล, จอห์น สโตนส์, นาธาน อาเก้, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, แฟร์นันดินโญ, ฟิล โฟเด้น, กาเบรียล เชซุส, ราฮีม สเตอร์ลิง, แจ็ค กรีลิช ส่วนทางฝั่ง ลิเวอร์พูล จัดชุดใหญ่เต็มกำลังได้ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ กลับมาคุมแนวรับ โดยเกมนี้ เจอเค้น คล๊อป วางเกมมาในระบบ 4-3-3 รายชื่อ 11 ตัวจริงมี อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิมา โคนาเต้, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, นาบี้ เกอิต้า, ฟาบินโญ ติอาโก้ อัลคันทารา, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน, หลุยส์ ดิอาซ

เริ่มเกมขึ้นแรก ในนาทีที่ 9 ลิเวอร์พูลได้ประตูขึ้นนำจากลูกเตะมุม แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดมาให้ อิบราฮิมา โคนาเต้ กระโดดโหม่งเน้น ๆ เข้าตาข่าย ส่งให้ลิเวอร์พูล ขึ้นนำ 1-0 ถัดมาไม่นาน หงส์แดงได้ประตูที่ 2 ในนาทีที่ 18 จากความผิดพลาดของผู้รักษาตู แจ็ค สเตฟเฟน เคลียร์บอลไม่ขาดทำให้ซาดิโอ มาเน พุ่งมาเสียบบอลเข้าประตูไปอย่างน่าเหลือเชื่อ ในช่วงท้ายเกมครึ่งแรก ลิเวอร์พูลมาย้ำประตูที่ 3 จากจังหวะของ ติอาโก้ อัลคันทารา ทำชิ่งกับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แล้วโยนบอลมาฝั่งขวาให้ ซาดิโอ มาเน ได้วอลเลย์เน้น ๆ บอลพุ่งเสียบเสาแรก จบครึ่งแรก ลิเวอร์พูล นำ แมนฯซิตี้  3-0 เริ่มเกมขึ้นหลังได้ไม่นาน

แมนฯซิตี้ ได้ประตูตีไข่แตกในนาทีที่ 47 จากจังหวะตัดบอลกลางสนามของ แฟร์นันดินโญ จ่ายบอลให้ กาเบรียล เชซุส วิ่งหลุดเข้าเขตโทษก่อนจะแปบอลให้ แจ็ค กรีลิช ได้ซัดเต็มข้อด้วยซ้ายเข้าประตูไป แมนฯ ซิตี้ ไล่มา 1-3 ในนาทีที่ 53 แมนซิตี้ได้ลุ้นจากจังหวะจาก สเตอริ่ง จิ้มบอลให้ กาเบรียล เชซุส ได้หลุดเดี่ยวลากไปยิงแต่ติดบล็อกของ อลิสซอน เบ็คเกอร์ และในนาทีที่ 70 แมนฯซิตี้ยังคงบุกต่อเนื่องจากจังหวะของ แจ็ค กรีลิช จ่ายบอลทะลุช่องให้ กาเบรียล เชซุส ได้ซัดเน้น ๆ แต่ก็ยังไม่เป็นประตู นาที 71 ลิเวอร์พูลได้ลุ้นจากบอลยาวของ แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดเข้ามาในเขตโทษ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ โหม่งคืนหลังให้ แจ็ค สเตฟเฟน แต่น้ำหนักเบาไปเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ดีดด้วยซ้ายแต่บอลหลุดกรอบออกไป จนมาถึงช่วงท้ายเกมในนาทีที่ 90 จากจังหวะที่ ริยาด มาห์เรซ ลากบอลตัดหน้า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เข้ามาในเขตโทษก่อนยิงติดเซฟ อลิสซอน แต่บอลเด้งมาเข้าทาง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ได้ซ้ำเข้าประตู ส่งให้แมนฯ ซิตี้ ไล่มา 2-3 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แมนฯซิตี้เดินเกมรุกอย่างหนักเพื่อจะทำประตูตีเสมอ แต่สุดท้ายจบเกม เป็นฝ่าย ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-2 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ไปรอพบผู้ชนะคู่ระหว่าง คริสตัล พาเลซ กับ เชลซี 

ไฮไลท์ฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด vs นอริช ซิตี้ เมื่อคืนนี้

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2021/2022 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดสนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ นอริช ซิตี้

ราล์ฟ รังนิค กุนซือเจ้าบ้าน เลือกจัดทัพมาในระบบ 4-3-3 ส่ง ดาบิด เด เคอา, ดิโอโก้ ดาโลต์, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี แม็คไกวร์, อเล็กซ์ เตลลิส, บรูโน แฟร์นันด์ส, ปอล ป็อกบา, เจสซี ลินการ์ด, แอนโธนี อีแลงก้า, คริสเตียโน โรนัลโด้, เจดอน ซานโช

ส่วนด้านทีมเยือนของ ดีน สมิธ วางหมากมาในแผน 4-2-3-1 ส่ง ทิม ครูล, แซม บายรัม, แกรนท์ แฮนลีย์, เบน กิ๊บสัน, ดิมิทริส จานนูลิส, เคนนี แม็คลีน, มาเธียส นอร์มันน์, คีแรน ดาวล์, ปิแอร์ ลีส์ เมลู, มิลอต ราชิซา, ตีมู ปุกกี้

เริ่มเกมการแข่งขัน เจ้าบ้านได้ประตูแรกในนาทีที่ 7 จากความผิดพลาดของ เบน กิ๊บสัน ที่โดน แอนโธนี อีแลงก้า แย่งบอลในกรอบเขตโทษก่อนจะไหลบอลเข้ามาหน้าประตูให้ คริสเตียโน โรนัลโด้ ได้แปด้วยขวาเข้าประตูไป ส่งให้แมนฯยูขึ้นนำ 1-0

และในนาทีที่ 32 แมนยูได้ประตูที่ 2 จากลูกเตะมุมของ อเล็กซ์ เตลลิส เปิดบอลโด่งมาเข้าทาง คริสเตียโน โรนัลโด้ พุ่งกระโดดโขกเข้าไปเน้นๆ พาปีศาจแดงขึ้นนำ 2-0 ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ฝ่ายทีมเยือนได้ประตูตีไข่แตกจากจังหวะของ ตีมู ปุกกี้ เปิดบอลยาวมาให้ คีแรน ดาวล์ ได้กระโดดโหม่งจ่อ ๆ เข้าประตูไป ไล่ตามมาเป็น 2-1 ก่อนจบครึ่งแรก และมาต่อกันในเกมครึ่งหลัง นอริชได้ประตูตีเสมอทันควันจากจังหวะของ คีแรน ดาวล์ จ่ายบอลทะลุช่องให้ ตีมู ปุกกี้ หลุดเดี่ยวและซัดเน้นๆ ด้วยขวา ตีเสมอ 2-2 และสกอร์ยังไม่จบเพียงเท่านี้ ปีศาจแดงได้ลูกฟรีคิกในนาทีที่ 76 และเป็น คริสเตียโน โรนัลโด้ ซัดด้วยขวาเน้น ๆ ทิม ครูล ปัดบอลไม่ขาด เข้าประตูไปเป็นแฮตทริกที่ 2 ของคริสเตียโน โรนัลโด้ ในฤดูกกาลนี้ ส่งให้ปีศาจแดงนำ 3-2 จากนั้นไม่มีประตูเกิดขึ้นและจบเกมขันการแข่งเป็นฝ่ายเจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะ นอริช ซิตี้ไป 3-2 ครับ